การสกรีน ในปัจจุบันนี้ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก เเละด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันยังสามารถให้คุณสกรีนได้บนสิ่งของหลาย ๆ ประเภท ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า หมวก หรือเเม้กระทั่ง รองเท้า เเละสิ่งของต่าง ๆ อีกมากมายที่ได้รับความนิยมไม่เเพ้กัน เเต่ในการสกรีนเหล่านั้น คุณคงยังไม่รู้ว่า จริง ๆ เเล้วการสกรีนมันมีกี่ประเภท เเล้ว ประเภทการสกรีน เเบบไหนที่จะเหมาะกับงานของคุณมากที่สุด วันนี้เรามีมาฝากคุณเเล้ว ไปอ่านกันเลย!

3 ประเภทการสกรีน เลือกสกรีนเเบบใหน? ถึงจะเหมาะกับสินค้าของเรา

ประเภทการสกรีน เเต่ละประเภทก็จะมีความเหมาะสมในเเต่ละชนิดของงาน ซึ่งในบทความนี้นี้เราเเบ่งหัวข้อเป็น 3 หัวข้อเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจกันอย่างง่าย ๆ ด้วยกัน เเละประเภทของการสกรีนจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. ระบบซิลค์สกรีน (Silk Screen)

เป็นระบบการสกรีนเสื้อที่ใช้ บล็อกสกรีน ในการสร้างลวดลาย ซึ่งหลักการนี้เป็นที่นิยมกันมาในงานสกรีน เพราะประหยัดต้นทุน เเค่สร้าง บล็อคเดียว ก็สามารถนำมาสกรีนได้หลายครั้งนั้นเอง

  • วิธีการสกรีน : สร้างบล็อคสกรีนสี่เหลี่ยมขึ้นมา จากนั้นทำการเทสีลงบนบล็อคสกรีน เเล้วใช้ยางปาดสีกลบส่วนที่เป็นลวดลายทั้งหมด เเเล้วนำไปเป่าให้เเห้ง ก็จะได้ลายที่ต้องการไว้ 
  • เหมาะสำหรับ : งานสกรีน ที่มีลายน้อย เเละสีน้อย สามารถสกรีนได้บนผ้า ทุกสี ทุกชนิด  เเละเหมาะสำหรับงานที่ต้องการจำนวนมาก 

ระบบซิลค์สกรีน (Silk Screen)

คิดให้ดี!
การสกรีนเเบบ ซิลค์สกรีน นั้น จะใช้บล็อคในการสกรีน 1 สีต่อ 1 บล็อก เเล้วถ้าเเบบของคุณ มี 5 สีล่ะ ? ก็ต้องใช้ 5 บล็อคยังไงล่ะ เอาเป็นงานไหนมีสีเยอะเกิน เปลี่ยนไปใช้การสกรีนเเบบอื่นดีกว่าเนอะ!

2.ระบบดิจิตอลแบบ DTG (Direct To Garment)

การสกรีนเเบบ DTG มีหลักการคล้ายกับการพิมพ์บนกระดาษ เเค่เปลี่ยนจากกระดาษมาเป็นเนื้อผ้า ด้วยการใช้หมึก Pigment พิมพ์ลงไปบนเนื้อผ้าโดยตรง ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัล (Digital Printing) ซึ่งจะได้งานที่มีรายละเอียดสูง เเละมีสีสันที่คมชัด ซึ่งระบบการสกรีนเเบบนี้ ต้องมีการอบเคลือบสีหลังพิมพ์เสร็จ เพื่อให้สีติดทนนานนั้นเอง

  • วิธีการสกรีน : ด้วยการสกรีนเเบบนี้จะมีเครื่องพิมพ์เฉพาะของเค้าเเล้ว ซึ่งวิธีการก็เเค่ นำเสื้อมาวางไว้บนเเท่นพิมพ์ เเล้วสั่งพิมพ์ จากนั้นนำเสื้อมาอบสีให้เเห้ง เป็นอันเสร็จสิ้น
  • เหมาะสำหรับงาน : งานที่มีรายละเอียดสูง สีเยอะ หรือลายที่ยากๆ ( เช่นรูปถ่าย หรือภาพเสมือนจริง ) เเละการพิมพ์ที่ไม่จำกัดจำนวน เเต่ถ้าเป็นงานพิมพ์เเค่ตัวเดียวจะเหมาะมาก ในส่วนของข้อจำกัดของการสกรีนเบบนี้คือ ต้องสกรีนลงบนผ้า Cotton 100% เท่านั้นนะคะ ในส่วนของราคาก็จะเเเพงกว่าเเบบ ซิลค์สกรีน (Silk Screen)

    ระบบDTG (Direct to Garment)

3.ระบบรีดร้อน (Heat Transfer)

เป็นระบบการสกรีน ที่พิมพ์ลวดลายจากเครื่องพิมพ์ Ink jet หรือ Laser ลงในกระดาษชนิดพิเศษที่เรียกกันว่า Tranfer Paper เเล้วนำไปรีดร้อนด้วยเครื่องรีดความร้อน ( Heat Press) เพื่อให้หมึกระเหิดจากกระดาษไปติดที่ตัวเสื้อพร้อม ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของกระดาษ Tranfer Paper ก็คือ เมื่อรีดร้อนเสร็จเเล้ว จะมีเเผ่นฟิล์มที่ไปเคลือบลวดลายนั้นอีกที เพื่อรักษาความสดของสีเอาไว้   

  • วิธีการสกรีน : นำลายที่ต้องการ พิมพ์ลงบนกระดาษ Transfer paper เเล้วนำไปวางไว้บนเสื้อ จากนั้นนำไปกดด้วยเครื่องรีดความร้อน เป็นอันเรียบร้อย
  • เหมาะสำหรับงาน : งานสกรีนที่ต้องการความละเอียด เเละจำนวนที่ไม่มาก เเละข้อจำกัดของการสกรีนเเบบนี้คือ จะได้ลวดลายที่มีขนาดเล็กกว่าเเบบอื่น ๆ เเละสกรีนได้ เฉพาะบนผ้าที่มีส่วนผสมของพอลิเอสเตอร์ อยู่ด้วย อีกทั้งยังมีราคาที่เเพงกว่า

ระบบรีดร้อน (Heat Transfer)

4.สรุป

ทุกคนคงได้คำตอบกันเเล้วนะคะว่า ประเภทการสกรีน เเต่ละประเภท มีวิธีการยังไง เเละเหมาะสำหรับการใช้งานเเบบไหน รวมไปถึงข้อจำกัดของการสกรีนเเต่ละเเบบ ยังไงก็เลือกใช้ให้ถูกประเภท เพื่อความรวดเร็วเเละช่วยให้ทุกคน ประหยัดต้นทุน พร้อมกับได้สินค้าที่มีคุณภาพไปใช้งานกันนะคะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

seven − 3 =